วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

เฮรา





เฮรา

         เฮรา หรือภาษาโรมันว่า จูโน เป็นราชินีของเทพธิดาทั้งหลายเพราะเป็นชายาของเทพซีอุส เฮราเป็นธิดาองค์ใหญ่ของเทพไทแทนโครนัสกับเทพมารดารีอา 

เทวีเฮราไม่ชอบนิสัยเจ้าชู้ของเทพซีอุส ด้วยเหตุที่เทพซีอุสเป็นคนเจ้าชู้ ทำให้เฮรากลายเป็นคนขี้หึง และคอยลงโทษหรือพยาบาทคนที่มาเป็นภรรยาน้อยของเทพซีอุสอยู่เสมอ เมื่อแรกที่เทพซีอุสขอแต่งงานด้วย เฮราปฏิเสธ และปฏิเสธเรื่อยมาจนถึง 300 ปี วันหนึ่งเทพซีอุสคิดทำอุบายปลอมตัวเป็นนกกาเหว่าเปียกพายุฝนไปเกาะที่หน้าต่าง เฮราสงสาร ก็เลยจับนกมาลูบขนพร้อมกับพูดว่า "ฉันรักเธอ" ทันใดนั้น เทพซีอุสก็กลายร่างกลับคืน และบอกว่าเฮราต้องแต่งงานกับพระองค์

ความร้ายกาจของเฮราเคยถึงขนาดคิดปฏิวัติโค่นอำนาจของสวามีจนเกือบสัมฤทธิ์ผล
         เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าแม่โกรธแค้นความไม่ซื่อสัตย์ของสวามีขึ้นมาอย่างเต็มกลืน จึงร่วมมือกับเทพโปเซดอน และเทพอพอลโลกับเทวีอธีนาด้วย ช่วยกันกลุ้มรุมจับองค์เทพซีอุสมัดพันธการไว้แน่นหนา จนเป็นเหตุให้เทพปริณายกซีอุสจวนเจียนจะสูญเสียอำนาจอยู่รำไร ก็พอดีชายาอีกองค์ของซีุอุสนามว่า มีทิส ได้นำผู้ช่วยเหลือมากู้สถานการณ์ทันเวลา โดยไปพา อาอีกีออน ซึ่งเป็นอสูรร้อยแขนที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงมาช่วยเหลือเทพบดีซุส อสูรตนนี้มีฤทธิ์อำนาจมากเสียจนเทพเทวาน้อยใหญ่ต้องยอมศิโรราบไปตามๆ กัน เมื่ออาอีกีออนมาแก้ไขให้ซีอุส และนั่งเฝ้าอยู่ข้างบัลลังก์ของซีุอุส บรรดาผู้คิดกบฎปฎิวัติก็หน้าม่อย ชวนกันหนีหน้าไปหมด แผนการณ์จึงล้มครืนด้วยประการฉะนี้

Griffon กริฟฟิน



Griffon กริฟฟิน

Griffon (ฝรั่งเศส), Griffin (อังกฤษ) สัตว์ประหลาดในตำนานเทพนิยายกรีก
กริฟฟินจะมีหน้าที่สำคัญอยู่ 2 อย่าง 
       1.เป็นผู้ลากราชรถของเหล่าเทพ ซึ่งกริฟฟอนเหล่านี้จะแตกต่างจากกริฟฟินทั่วไป คือ มีร่างและปีกเป็นสีดำ 
       2. คอยลงโทษเหล่ามนุษย์ที่มักมากในทรัพย์สมบัติ ซึ่งอันนี้มาจากนิสัยของกริฟฟอนที่ชอบสะสมสมบัติมีค่า 
  
 กริฟฟิน  (griffin, gryphin, griffon หรือ gryphon) คือสัตว์ในเทพนิยายร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีก เป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่หลังเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มี หางของสิงโต ขนบนหลังเป็นสีดำ ขนที่อยู่ข้างหน้าเป็นสีแดง ส่วนขนปีกเป็นสีขาว อาศัยอยู่ในถ้ำตามภูเขาตามตำนานกรีก

   กริฟฟินเป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำของดินแดนไฮเปอร์โบเรีย (ดินแดนในตำนานซึ่งอยู่ทางขั้วโลกเหนือ มีแสงอาทิตย์ และความอุดมสมบูรณ์ตลอดกาล) เป็นรูปจำแลงของ
เทพีเนเมซิส เทพแห่งความพยาบาท ซึ่งทำหน้าที่หมุนวงล้อแห่งโชคชะตา นอกจากนี้ยังเป็นผู้ลากรถม้าของพระอาทิตย์ (เทพอะพอลโล) อีกด้วยกริฟฟินนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ และบางคนยังถือว่ากริฟฟินเป็นสัญลักษณ์ของความหยิ่งยโสอีกด้วยในยุคแรก

   กริฟฟินถูกเปรียบเทียบให้เป็นเหมือนกับซาตาน ที่คอยล่อลวงวิญญานของมนุษย์ให้ติดกับ แต่ต่อมากริฟฟินก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของทั้งทวยเทพ และมนุษย์ สำหรับพระเยซู เพราะมันเป็นเจ้าแห่งพิภพและเวหา อีกทั้งมีรังสีแห่งแสง อาทิตย์. ศัตรูของกริฟฟินคือ บาซิลิสก์ ซึ่งเปรียบได้กับรูปจำลองของซาตาน

เทพเฮอร์มิส




เทพเฮอร์มิส

         เฮอร์มิส เป็นเทพแห่งการสื่อสาร พระองค์เป็นบุตรของเทพซีอุส มีของวิเศษ คือ หมวกและรองเท้ามีปีก เรียกว่า เพตตะซัส ซึ่งเป็นชองขวัญที่ได้รับจาดบิดา เพื่อทำหน้าที่เป็นเทพสื่อสาร 
เทพเฮอร์มีสเป็นเทพที่ปรากฏคุ่นตามากกว่าเทพองค์อื่นๆ เช่น รองเท้ามีปีก แสดงถึงความเร็ว นอกจากรงเท้ายังมีไม้ถืออันศักดิ์สิทธิ์ก็มีแีกเช่นกัน เทพเฮอร์มิสไปไหนมาไหน เรียกได้ว่า ไปเร็วเพียงความคิด 
ไม้ศักดิ์สิทธิ์ เรีกยว่า กะดูเซียสเดิมเป็นของเทพอพอลโล ใช้ต้อนวัวควาย
        ครึ่งหนึ่งเฮอร์มืส ขโมษวัวขงเทพอพอลโลไปซ่อน เมื่่อเทพอพอลโลรู้สึกระแคะระคาย จึงบอกให้เทพเฮอร์มิสคืนวัวที่ขโมษไป แต่ขณะนั้นเทพเฮอร์มิสยังเด็ก จึงตอบไปอย่างหน้าตาเฉย เทพอพอลโลจึงไปฟ้องเทพซีอุส ซึ่งเป็บบิดาของตน เทพซีอุสจึงช่วยไกล่เกลี่ย เทพเฮอร์มิสจึงคืนวัวแก่เทพอพอลโล เมื่อเทพอพอลโลได้วัวคืนก็ไม่ถือโกธรผู้เป็นน้อง เทพอพอลโลเห็นเทพเฮอร์มิสมีพิณคันหนึ่ง ชื่อ ไลร์ ซึ่งเทพเฮอร์มสเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเองด้วยกระดองเต่า ก็อยากได้ จึงขอแลกกับกะดูเซียส ทำให้ไม่ถือกะดูเซียสเป็นของเทพเฮร์อมิส  และถือว่าเป็นสัญลักษร์ของเทพเฮอร์มิส



เทวีอโฟรไดที (วีนัส)





เทวีอโฟรไดที (วีนัส)

        เทวีอโฟรไดที เป็นเทวีครองความรัก ความงาม และการให้กำเนิด  เทวีอโฟรไดทีเป็นธิดาของเทพซีอุสกับนางอัปสรไดนี บางบทกวีบอกว่า เทวีอโฟรไดทีเกิดจากฟองทะเล
พระนางมีความงดงามที่ไม่มีใครเทียมได้ และสามารถสะกดใจผู้ชายทุกคนได้ภายในพริบตาแรกที่มองเห็นพระนาง อีกทั้งพระนางก็ชอบใจในความสวยงามของตนเองมากเสียด้วย พระนางจึงไม่ยอมเด็ดขาดหากใครจะกล้าล้ำเส้นเทพีความงามของพระนาง ด้วยแรงริษยาที่รุนแรงพอๆ กับรูปโฉมสะสวยทำให้เทพีวีนัสเป็นที่หวาดหวั่นของเทพหลายๆ องค์
   ในวันแรกที่เทพีวีนัสปรากฏตัวบนเขาโอลิมปัส เทพชายทุกองค์โดยเฉพาะเทพซุสเองก็อยากได้พระนางมาครอบครอง แต่เทพีวีนัสไม่ยินดีด้วยกับเทพซีอุส ทำให้เทพซุสเกิดความโมโหและเเก้เผ็ดพระนาง โดยจับพระนางแต่งงานกับเทพวัลแคนพระโอรสของพระองค์ ซึ่งเทพวัลแคนชอบขลุกอยู่ในโรงงาน ก่อสร้าง และประดิษฐ์สิ่งต่างๆ เนื้อตัวมอมแมม แถมยังเป็นเทพขาเป๋ ทำให้เทพีวีนัสโกรธเคืองอย่างมาก พระนางจึงคบชู้สู่ชายแบบตามใจชอบ



เทวีเอเธนา





เทวีเอเธนา

          เทวีเอเธนา เป็นเทวีผู้ครองปัญญาและวิทยาการในภาษา การเกิดของเทวีเอเธน่ามีความพิสดาร ไม่เหมือนเทพองค์อื่นๆ
        เนื่องจาก วันหนึ่งเทพซีอุสเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ทำอย่างไรก็ไม่หาย จึงประชุมทวยเทพเพื่อหาทางรักษา แต่ไม่มีเทพองค์ใดสามารถรักษาได้ เทพซีอุสจึงตัดสินใจให้เทพฮีฟีสทัสใช้ขวานตัดหัวตน ทันทีที่หัวของเทพซีอุสถูกตัด ก็ปรากฎเทพธิดาองค์หนึ่งออกจากหัวของเทพซีอุส เทพธิดาองค์นี้คือ เทวีเอเธนา จากเหตุดังกล่าวจึงถือว่า เทวีเอเธน่าเป็นผู้ครองปัญญา  และพระนางยังได้แสดงสติปัญญาให้แก่ทวยเทพ เมื่อคราวประลองปัญญากับเทพโปไซดอนผู้เป็นลุง
         เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ1500 ปีก่อน ชาวฟินิเซียได้อพยพเข้าอาศัยในแคว้นอัตติกะ และได้ก่อสร้างเมืองขึ้น กลายเป็นนครที่สวยงาน จนทวยเทพต่างชื่นชอบนครแห่งนี้ และต่างปรารถนาให้ตั้งชื่อเมืองตามชื่อของตน จึงเกิดการประชุมกัน ทำให้เกิดการถกเถียงกันระหว่างทวยเทพ ทวยเทพจึงสละสิทธิ์ ยกเว้นเทพโปไซดอนและเทวีเอเธนาเท่านั้นที่ไม่ยอมกัน เทพซีอุสจึงให้ประลองปัญญากัน 
          เงื่อนไขว่า ผู้ใดที่สามารถเนรมิตสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดให้แก่มนุษย์ได้ ผู้นั้นคือผู้ชนะ
โดย โปไซดอนเนรมิตม้าผยองศึก และอธิบายประโยชน์นานาประการ ปวงเทพต่างชื่นชมในคุณประโยชน์   ส่วนเทวีเอเธนาได้เนรมิต ต้นมะกอก อธิบายประโยชน์ของต้นมะกอก ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่เนื้อไม้ ผล กิ่งก้านตลอดจนใบ และมะกอกยังเป็นเครื่องหมายของความสันติภาพ  ผลของการประลองคือ เทวีเอเธนาเป็นผู้ชนะ นครใหม่จึงได้ชื่อใหม่ว่า เอเธนส์ ตามนานของเทวีเอเธนา และชาว
กรุงเธนส์ก็นับถือเทวีเอเธนาเป็นเทพเจ้าสูงสุด

เทพโปไซดอน




เทพโปไซดอน


          เทพโปไซดอนเป็นเทพที่ปกครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นพี่ชายของเทพซีอุส
          วันหนึ่ง เทพโปไซดอนเกิดความคิดที่จะโค่นลงทวยเทพ และยึดอำนาจจากเทพซีอุส แต่แล้วเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงเทพซีอุส จึงทำให้เทพโปไซดอนถึงลงโทษ ให้ขึ้นไปอยู่บนบกและทำงานสร้างกำแพงเมืองทรอย โดยมีท้าวเลือมมิดอนเป็นกษัตริย์ เมื่อท้าวเลือมมิดอนรู้ว่ามีทวยเทพมาสร้างกำแพงทรอย ก็ให้ความเคารพ จะสัญญาว้าเมื่อสร้างกำแพงเสร็จจะถวายค่าตอบแทนอย่างงาม ในระหว่างเวลานั้น เทพอพอลโลได้ถูกเนรทศเช่นกัน จึงอาสาช่วยเทพโปไซดอนลุงของตน โดยการดีดพิณ ทำให้ก้อนหินเคลื่อนที่ไปตามอำนาจของเสียงพิณ ทำให้สร้างกำแพงเสร็จอย่างรวดเร็ว

เมื่อสร้างเสร็จ เทพโปไซดอนจึงรอค่าตอบแทนของท้าวเลือมมิดอน แต่ท้าวเลือมมิดอนไม่รักษาคำศัญญา ทำให้เทพโปไซดอนโกรธมาก จึงเนรมิตสัตว์ร้ายตัวหนึ่งของจากน้ำ เที่ยวกินผู้คนในเมืองทรอย โดยไม่มีผู้ใดปราบได้





เทพฮาเดส




เทพฮาเดส

          ฮาเดส หรือพี่ชายของเทพซีอุส เป็นจักรพรรดิแห่งบาดาล หรือยมโลก
          ยมโลก อาณาจักรแห่งนี้มืดมิด จะมีแต่แสงจากกองไฟ และหนทางที่จะลงไปสู่อาณาจักรของ
เทพฮาเดสก็ลำบากไม่น้อย เพราะต้องเดินทางไปถึงสุดขบพิภพ โดยข้ามมหาสมุทรไป จึงจะลงไปสู่ยมโลก หรือไม่ก็ต้องเป็นถ้ำแถวทะเลสาบที่มีความลึกมากๆ ถึงจะสามารถทะลุไปถึงยมโลกได้ ทางนี้จะนำไปถึงแม่น้ำแอคเคอรอน หรืออะเมซอน ซึ่งเป็นแม่น้ำแห่งความเจ็บปวด มีความลึกมากและมีสีดำมะเมื่อย แม่น้ำสายนี้จะไปประจบกับแม่น้ำโคไซรัส หรือโคซีทุส ซึ่งเป็นแม่น้ำแห่งความกำสรวล หรือแม่น้ำแห่งเสียงคร่ำครวญ จะมีรสเค็ม เพราะเกิดจากน้ำตาของผู้ที่ตกนรก ตรงที่แม่น้ำ 2 สายประจบกันจะมีคนแจวเรือแก่ผู้หนึ่ง ชื่อ เครอน หรือชารอน เพื่อรับดวงวิญญาณไปส่งอีกฟากหนึ่ง โดยต้องจ่ายเที่ยวละ 1 โอโบล หากดวงวิญญาณใดไม่มีค่าจ้างให้ ต้องนั่งรอถึง 100 ปี ชารอนจึงจะไปส่งโดยไม่คิดค่าจ้าง จึงเกิดธรรมเนียมเอาเงินใส่ปากคนตาย
         เมื่อชารอนไปส่งอีกฟาก ก็ต้องผ่้านประตูเพื่อเข้าสู่ีอีเรบุส ที่มีสุนัข 3 หัว หางมังกร ชื่อ เซอร์บิรัส เฝ้าอยู่ มีหน้าที่คือ ยอมให้ดวงวิญญาณไปเข้าสู่อีเรบุส แต่ไม่ยอมให้ดวงวิญญาณใดออกมาเด็ดขาด
          เทพฮาเดสเป็นเทพแห่งยมโลกแล้วยังเป็นเทพแห่งทรัพย์ด้วย แต่แล้วท่านก็ไม่สามารถหา มเหสีได้  เนื่องจากไม่มีมเหสีคนไหนยอมลงมาอยู่ยมโลก เทพเฮเดสจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
        จนวันหนึ่ง เกิดแผ่นดินไหวลงมาถึงยมโลก ทำให้เทพฮาเดสเิกิดร้อนใจ จึงขับราชรถเทียมด้วย ม้าไฟ 4 ตัว ขึ้นมาบนพื้นโลกเพื่อสำรวจ พอดีเทวีวีนัสเห็นทพเฮเดส จึงบัญชาให้คิวปิด ลูกของตนยิงศรเสน่หาใส่เทพเฮเดส ซึ่งส่งผลให้เทพฮาเดสหลงรักคนคนแรกที่พระองค์เห็น ผู้ที่ถูกเทพฮาเดสเห็นเป็นคนแรก คือ เทวีพรอสเซร์ไพร์ที่กำัลังเก็บดอกไม้ ซึ่งเป็นเทวีแห่งฤดูใบไม้ผลิ และเป็นธิดาของ ดีมิเตอร์ หรือ ซีรีส       เป็นเทวีแห่งธัญญาหาร กับเทพซีุอุส เมื่อเทพฮาเดสก็ฉุดนางเข้าไปยังราชรถเทียม โดยไม่ฟังเสียงของเทวีพรอสเซร์ไพร์  ฝ่ายเทวีซีรีส เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของเทวีพรอสเซร์ไพร์ จึงออกตามหา เมื่อรู้ว่าเทวีพรอสเซร์ไพร์ถูกเทพฮาเดสเอาตัวไป จึงไปบอกเทพซีอุสให้ช่วยเอาเทวีพรอสเซร์ไพร์คืนมา เทพซีอุสจึงเจรจากับเทพฮาเดส โดยมีเงื่อนไขว่า ในเวลา 1 ปี เทวีพรอสเซร์ไพร์ต้องอยู่ยมโลกเป็นเวลา 6 เดือน แล้วกลับไปอยู่กับมารดาเป็นเวลา 6 เดือน 

มหาเทพซีอุส



มหาเทพซีอุส

      หลังจาก ยูเรนัสถูกยึดอำนาจจาก เทพโครนัส ( แซตเทิน ) และได้ครองบังลังก์ ณ. เขาโอลิมปัส โดยมรคณะไตตันให้คว่มสนับสนุน ทวยเทพทั้งปวงจึงอยู่กันอย่างมีความสุข
       จนกระทั้ง.. โครนัสได้รับแจ้งจาก พระนางรีอา มเหสีของพระองค์ได้ประสูติเทพโอรสองค์หนึ่ง ทำให้คำสาปแช่งของเทพบิดรก็ผุดขึ้นในความทรงจำ โครนัสจึงได้กลืนกินลูกของตน ไม่ว่าจะมีโอรสหรือธิดากี่ตน โครนัสก็จะกลืนกินลูกทุกองค์ โดยไม่สนคำวิงวอนขงนางรีอา ในที่สุด พระนางรีอาได้ตัดสินใจ ซ่อนเทพโอรสองค์สุดท้องไว้ด้วยการโยนก้นหินห่อผ้าใก้โครนัสกินแทน พระนางรีอาจึงนำบุตรไปฝากอยูในความดูแลของเหล่านางอัปสรนีเรียด ซึ่งบุตรองค์มีนามว่า "ซีอุส หรือ จูปิเตอร์" 
         ต่อมา เมื่อซีอุสเติบโตขึ้นแล้ว ก็ถึงเวลาที่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ซีอุสได้ยึดอำนาจของโครนัส โดยซีอุสได้ปรึกษานางรีอาพระมารดา ตกลงกันว่า ให้บังคับเทพโครนัสดื่มน้ำสำรอก 
         หลังจากดื่มน้ำสำรอกเข้าไป
จึงได้สำรอกเอาลูกๆออกมา ทั้งหมด 5 องค์ คือ 
1. โปไซดอน หรือ เนปจูน  ปกครองทะเลเมดิเตร์เรเนียน และแม่น้ำทั้งปวง
2. ฮาเดน หรือ พลูโต         ปกครองบาดาล หรือ ยมโลก
3.  เฮสเทีย หรือ เวสตา      เป็นเทวีแห่งไฟและความผาสุก
4.  ดีมิเตอร์ หรือ ซีรีส         เป็นเทวีแห่งธัญญาหาร
5.  ฮีรา หรือ จูโน                เป็นเทวีผู้คุ้มครองการวิวาห์
        ต่อมา ซีอุสก็ได้ยึดอำนาจจาก เทพบิดาและ เหล่าพี่ๆได้สำเร็จ ซีอุสจึงตั้งตนเป็นราชาทวยเทพ
 ณ. เขาโอลิมปัส และเลือก ฮีรา พี่สาวคนเล็กและสวยสุด เป็นราชินี

กำเนิดมนุษย์



กำเนิดมนุษย์

          หลังจากที่ซีอุสปราบปรามเทพไตตันและศึกยักษ์แล้ว ก็ได้ครองเขาโอลิมปัสอย่างสงบสุข นานเข้า พระเจ้าซีอุสเริ่มเบื่อ จึงคิดหาของล่นแก้เบื่อ ด้วยการมีบัญชาให้โปรมีธิอุส และเอปิมีธิอุส เทพ 2 พี่น้องให้สร้างสัตว์โลกขึ้น เมื่อได้รับคำบัญชา เอปิมีธิุอุส ก็จัดแจงหยิบดินปั้นและเสกพรวดๆกลายเป็นสิงสาราสัตว์ หลังจากสร้่างสิงสาราสัตว์ต่างๆไปแล้ว เอปิมีธิอุสค่อยมาคิดได้ว่าไม่ได้เหลือคุณ
ลักษณะอะไรดีๆไว้ให้กับมนุษย์ที่ตนกับพี่ชายกำลังสร้างบ้างเลย  โปรมีธิอุสก็รับมาแก้ไขเอง แล้วเอาดินมาปั้นเป็นรูปมนุษย์ ด้วยลักษณะที่เหมือนเทพทุกประการ และมีสติปัญญามากกว่าสัตว์ทุกชนิด หลังจากสร้างมนุษย์ แล้วโปรมีธิอุสก็เหาะขึ้นไปสวรรค์ เอาคบจ่อกับดวงตะวันให้ติดไฟ แล้วนำมามอบให้แก่มนุษย์ ต่อมามหาเทพซีอุสได้บันดาลให้มีฤดูกาล ทำให้เหล่ามนุษย์ต้องผจญภัยกับความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศ ทำให้มนุษย์เริ่มไม่ใส่ใจต่อการบวงสรวงบูชาเทพ จึงเกิดการพิพาทระหว่าเทพและมนุษย์ ว่าควรนำส่วนใดของสัตว์มาสังเวย โปรมีธิอุสอาสาช่วยไกล่เกลี่ย แต่ในขณะเดียวกัยฃน ก็เข้าข้างมนุษย์ จึงออกอุบายหลอกเทพซีอุส
            ด้วยแบ่งวัว ออกเป็น 2 ส่วน เอาส่วนที่ กินได้ ซ่อนไว้ในห่อหนัง อีกส่วนให้นำกระดูกมากองรวมกัน แล้วคลุมทับด้วยที่คล้ายมัน เพื่อให้น่าดู นำทั้ง 2 มาถวายแก่เทพซีอุส มหาเทพซีอุสเลือกส่วนที่น่าดู เมื่อเปิดพบว่ามีแ่กระดูก จึงโกธร และริบไฟของมนุษย์เป็นการลงโทษ แต่โปรมีธิอุสก็ขโมยเอาไฟจากสวรรค์มาให้แก่มนุษย์ ทำให้เทพซีอุสโกธร จึงสั่งลงโทษโปรมีธิอุสอย่างรุนแรง เพื่อเป็นการลงโทษมนุษย์ จึงได้เนรมิตมนุษย์ผู้หญิง ชื่อ แพนโดรา แปลว่า ของขวัญจากเทพเจ้าซึ่งมีรูปโฉมที่งดงาม ไร้ที่ติ นางแพนโดราเป็นมนุษย์ผู้หญิงคนแรก เทพซีอุสได้มอบหีบ และกำชับว่า ห้ามเปิดเด็ดขาด และ ให้
เฮอร์มีสพานางไปโลกมนุษย์ มอบให้นางให้แก่ เอปิมีธิอุส นางก็ได้ให้กำเนิดบุตรบ้าง ธิดาบ้าง
          ต่อมา นางแพนโดรา อยากรู้อยากเห็น ว่าในหีบมีอะไร จึงเปิดดู โดยความชั่วร้ายต่างๆได้บรรจุอยู่ในหีบ เช่น ความเกลียดชัง ความโลภ ความแค้น เป็นต้น ได้โบยบินอกจากหีบ นางแพนโดราตกใจมาก จึงรีบปิดหีบจึงเหลือเพียงสิ่งหนึ่งที่อยู่ในหีบ นั่นคือ ความหวัง ทำให้ความชั่วร้ายได้เข้าไปสิงสู่มนุษย               ต่อมา เทพซีอุสเห็นมนุษย์มีพฤติตัวที่ลามก ทำบาปจึงตัดสินใจลงโทษประหารมนุษย์ ด้วยวิธีทำให้ฝนตกไม่ลืมหูไม่ลืมตา มนุษย์จึงตาย ยกเว้น สามีภรรยาคู่หนึ่งที่หลบมาอยู่ยอดเขาที่สูงที่สุด
สามีชื่อ ดิวเคเลียน บุตรของโปรมีธิอุส
ส่วนภรรยา ชื่อ ไพราห์ เป็นธิดาของเอปิมีธิอุสและนางแพนโดรา
    ทั้ง2เป็นคนดี เทพซีอุสเห็นว่า ทั้ง 2 เป็นคนดีจึงสั่งให้ฝนหยุดตก ส่วนเทพโปไซดอนสั่งให้นำทะเลถอยกลัย เมื่อทั้ง 2 พากันลงจากเขา ก็รู้สึกสลดใจจึงชวนกันไปวิหารเดลฟี เทพเจ้าจึงให้คำแนะนำ โดยให้โยนหินไปเบื้องหลัง ก้นหินที่ดิวเคเลียนโยน กลายเป็นมนุษย์ผู็ชาย ส่วนนางไพราห์โยน ได้มนุษย์ผู้หญิง มนุษย์จึงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

กำเนิดเทพเจ้่า กรีก - โรมัน



กำเนิดเทพเจ้่า กรีก - โรมัน

              เทพเจ้าที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน และเทพเจ้าที่าศัยอยู่ใต้ดินแผ่นดิน ภายหลังเมื่อชาวกรีกเสื่อมอำนาจลง และชาวโรมันเรืองอำนาจขึ้นแทนที่ ชาวโรมันก็รับเอาความเชื่อถือเรื่งเทพเจ้าของชาวกรีกสืบต่อไปด้วย 
                    ตามบทกวีของ ฮีสิออด กล่าวว่า..
      ในกาลอดีตก่อนยุคทวยเทพอุบัตินับยุคไม่ถ้วน สรรพสิ่งทั้งหลายยังรวมกันเป็นอันเดียวกัน เรียกว่า "เคออส"  
     ต่อมา โลกพิภพจึงผุดขึ้นมาในความว่างเปล่านั้น เป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ เพื่อเป็นจอมมารดาของสรรพสิ่้ง เรียกว่า "จี หรือ จีอา "  มีสวรรค์เต็มไปด้วยดวงดาว เรียกว่า "ยูเรนัส" และนับถือ สวรรค์ยูเรนัสเป็นจอมบิดาของสรรพสิ่ง  
          เทพเจ้าองค์แรก ชื่อ เคออส มีชายาชื่อ นอกซ์ หรือนิกซ์ ซึ่งเป็นเทวีแห่งราตรี ทั้งสองมีบุตร ชื่อ
เอรีบัส เทพแห่งความมืด  ต่อมาเอรีบัสได้ขับไล่ผู้เป็นบิดา แล้วได้มารดาของตนเป็นชายา และได้กำเนิดบุตรธิดาอีก 2 องค์ คือ อีเธอร์ แสงสว่าง และเฮเมอร่า กลางวัน ต่อมาทั้ง 2 ก็ได้ขับไล่บิดาและมารดาของตน แล้วอีเธอร์และ เฮเมอร่าก็ได้แต่งงานกัน เมื่อได้ขับไล่ความมืดโดยมีแสงสว่างมาแทน  แต่แล้วภาพที่ออกมาเต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน จึงได้เรียก กามเทพคิวปิดมาช่วยงาน ทั้ง 3 จึงได้ช่วยกันเนรมิตโลก และทะเล และพื้นพิภพยังไม่มีพืชและสัตว์ คิวปิดจึงได้ยิงลูกธนูไปยังพื้นดิน จึงเกิดต้นไม้อันเขียวขจี และสัตว์ก็ค่อยๆเกิดมาตาม แต่แล้วพื้นพิภพยังขาด "มนุษย์"  เวลาผ่านไปอย่างช้านาน ความเปลี่ยนแปลงแรกของความมืดมน คือ ความรัก และ เกิดแสงสว่าง โลก ฤดูกาล 
         ต่ิอมา พิภพกาอียาและสวรรค์ยูเรนัส ได้ยึดอำนาจจากผู้ให้กำเนิด นั้นก็คือ อีเธอร์และ เฮเมอร่า ต่อมา กาอียาและยูเรนัสก็ได้แต่งงานกัน ณ. เขาโอลิมปัส ต่อมา ทั้งคู่ได้กำ้เนิดบุตร 12 องค์ ซึ่งเป็น เทพบุตร 6  เทพธิดา 6  เรียกว่าโดยรวมว่า ไตตัน ต่อมาถึงขังไว้ใน ทาร์ทะรัส เนื่องจากยูเรนัสกลัวพลังของลูก ต่อมายูเรนัสก็ตาย โดยโครนัส ผู้เป็นลูกของตน และยูเรนัสได้สาปแช่งโครนัส ให้ถูกลูกๆของตนแย่งอำนาจเช่นกัน